บอลยูฟ่า Player Ratings ( การให้คะแนนนักเตะ )
- คีเลียน เอ็มบัปเป้[7.1]
- อองตวน กรีซมันน์[7.0]
- ไมเคิล โอลิเซ่[6.9]
ประเดนดราม่า
เกมเริ่มด้วยความดุเดือดตั้งแต่นาทีที่ 4 เมื่อ Manu Koné ของฝรั่งเศสทำฟาวล์ใส่ผู้เล่นเบลเยียม เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเกมนี้จะไม่ง่ายสำหรับทั้งสองทีม
ในนาทีที่ 7 เกิดการโต้เถียงระหว่าง Lucas Digne ของฝรั่งเศสและ Loïs Openda จากเบลเยียม แต่โชคดีที่สถานการณ์สงบลงโดยไม่มีการลงโทษ
ประตูแรกของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 29 จากความยอดเยี่ยมของ ร็องดัล โคโล มูอานี่ ที่ยิงพาฝรั่งเศสขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่ Youri Tielemans ของเบลเยียมจะทำฟาวล์ในนาทีที่ 38 เป็นการตัดโอกาสเกมรุกของเบลเยียมและเปิดโอกาสให้ฝรั่งเศสคุมเกมมากขึ้น

รายละเอียดการแข่งขัน
ในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก นัดที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฝรั่งเศสสามารถเอาชนะเบลเยียมไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 โดยทั้งสองทีมต่างแสดงฟอร์มการเล่นที่เข้มข้นและดุเดือด ตั้งแต่เริ่มเกมจนถึงเสียงนกหวีดสุดท้าย ซึ่งฝรั่งเศสได้ใช้โอกาสที่มีอย่างชาญฉลาดในการทำประตูสำคัญ คว้าชัยชนะไปได้ในที่สุด
ครึ่งแรก (1 – 0)
เริ่มเกมในนาทีที่ 4 Manu Koné ผู้เล่นฝรั่งเศสทำฟาวล์เป็นครั้งแรกของเกม ซึ่งเป็นสัญญาณของความดุเดือดที่จะตามมา ในช่วงนาทีที่ 7 มีการโต้เถียงเกิดขึ้นระหว่าง Lucas Digne และ Loïs Openda จากทีมเบลเยียม แต่สถานการณ์ก็คลี่คลายโดยไม่มีการลงโทษใด ๆ
ในนาทีที่ 29 ฝรั่งเศสได้ประตูนำก่อน 1-0 จาก ร็องดัล โคโล มูอานี่ ที่โชว์ทักษะยิงประตูที่ยอดเยี่ยม ขณะที่เบลเยียมพยายามหาช่องทางในการโต้กลับ แต่ในนาทีที่ 38 Youri Tielemans ทำฟาวล์ที่ทำให้เกมรุกของฝรั่งเศสยังคงได้เปรียบ

ครึ่งหลัง (2 – 0)
เข้าสู่ครึ่งหลัง ฝรั่งเศสปรับแผนการเล่นโดยการส่ง อุสมาน เดมเบเล่ ลงสนามแทน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ในนาทีที่ 57 ซึ่งส่งผลให้เกมบุกของฝรั่งเศสดูมีชีวิตชีวามากขึ้น จากนั้นเบลเยียมทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเช่นกันในนาทีที่ 60 โดยส่ง โอเรล มานกาลา และ โยฮัน บากาโยโก้ ลงมาเสริมแนวรุก
ฝรั่งเศสยังคงกดดันอย่างต่อเนื่องจนในนาทีที่ 67 ร็องดัล โคโล มูอานี่ ถูกเปลี่ยนตัวออกและส่ง คีเลียน เอ็มบัปเป้ ลงมาแทน ขณะที่ มาร์คัส ตูราม ลงแทน บราเดล บาร์โคล่า เพื่อเพิ่มความสดในแนวรุก สุดท้าย อุสมาน เดมเบเล่ ทำประตูที่สองในนาทีที่ 80 จากการประสานงานที่ยอดเยี่ยมกับ ไมเคิล โอลิส ทำให้ฝรั่งเศสนำไป 2-0
เบลเยียมพยายามปรับเกมโดยการส่ง ชาร์ลส์ เดอ เคเตลาเร่ ลงมาแทน ลัวส์ โอเปนดา ในนาทีที่ 69 และทำการเปลี่ยนผู้เล่นเพิ่มเติมในนาทีที่ 83 ด้วยการส่ง โธมัส เมอนิเยร์ และ เจเรมี่ ดูรันวิลล์ ลงสนาม แต่ก็ยังไม่สามารถทำประตูตีไข่แตกได้
ฝรั่งเศสปิดเกมด้วยการควบคุมสถานการณ์ได้ดี ทำให้ N’Golo Kanté ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงนาทีที่ 90 โดยส่ง ยุสซูฟ โฟฟาน่า ลงมาแทน ทำให้ฝรั่งเศสเก็บ 3 แต้มสำคัญได้อย่างสวยงาม
แผนการเล่นที่น่าสนใจ

เหตุการณ์สำคัญ
ฝรั่งเศสเริ่มปรับเกมในครึ่งหลัง ด้วยการส่ง อุสมาน เดมเบเล่ ลงมาแทน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ในนาทีที่ 57 ซึ่งทำให้เกมรุกของฝรั่งเศสดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
เบลเยียมพยายามปรับตัวด้วยการส่ง โอเรล มานกาลา และ โยฮัน บากาโยโก้ ลงสนามในนาทีที่ 60 เพื่อเพิ่มพลังเกมรุก แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของฝรั่งเศสได้
นาทีที่ 67 ฝรั่งเศสส่ง คีเลียน เอ็มบัปเป้ ลงแทน ร็องดัล โคโล มูอานี่ พร้อมกับการเปลี่ยนตัว มาร์คัส ตูราม แทน บราเดล บาร์โคล่า ทำให้เกมรุกของฝรั่งเศสดูแข็งแกร่งขึ้น
เกมนี้ถูกปิดฉากด้วยประตูที่สองจาก อุสมาน เดมเบเล่ ในนาทีที่ 80 จากการประสานงานที่ยอดเยี่ยมกับ ไมเคิล โอลิส ทำให้ฝรั่งเศสนำห่างเป็น 2-0
เบลเยียมยังคงพยายามปรับเกมโดยการส่ง ชาร์ลส์ เดอ เคเตลาเร่ และ โธมัส เมอนิเยร์ ลงสนาม แต่ก็ไม่สามารถทำประตูตีไข่แตกได้
ภาพรวมของเกมส์
ฝรั่งเศสสามารถควบคุมเกมและปิดเกมด้วยความเฉียบขาด แม้ว่าเบลเยียมจะพยายามปรับแผนเพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่ฝรั่งเศสก็สามารถเก็บ 3 แต้มสำคัญได้อย่างสวยงาม

เลส์ เบลอส์” โชว์ฟอร์มสุดแกร่ง! ฝรั่งเศสคว้าชัยเหนือเบลเยียม 2-0 สวยงามในบ้าน!
ดูผลบอลสดวิเคราะห์บอลวันนี้ ติดตามได้ที่เว็บไซต์บอลยูฟ่า